25.12.2020_อีกความหมายของฮีโร่คือผู้สร้างแรงบันดาลใจ

..

จากจอร์จมัลลอรีสู่เอ็ดมันด์ฮิลลารี่

พ่อเคยบอกสมัยเด็กๆ ว่าหนูเกิดวันเดียวกันกับเซอร์เอ็ดมันฮิลลารี่
‘เป็นใครคะ’ ฟังดูมียศฐาบรรดาศักดิ์
‘เป็นคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรส’
พ่อเราเป็นเมมเบอร์เนชั่นแนลจีโอฯ เราจึงรู้จักเอเวอเรสก่อนหิมาลัย แต่สำหรับเด่กโอ๋ 20กรกฎา79 การไต่เอเวอเรสของปู่เอ็ด20กรกฎา19 ก็ไม่ได้ว้าวอะไรนัก เรานึกภาพว่าก็คงปีนขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง จบ.

ไม่มีแพชชั่นใดๆ ต่อเอเวอเรส ได้สัมผัสหิมาลัยเมื่อสองสามปีก่อน จากความเป็นมนุษย์ว่าง่ายใครชวนไปไหนก็ไป พอไปแตะตีนหิมาลัยจึงรับรู้ ถึงความสูงส่งยิ่งใหญ่ในกายภาพ แต่ละเอียดอ่อนลึกล้ำในอารยธรรม และเริ่มเข้าใจว่าการไปถึงเอเวอเรสนั้นยิ่งใหญ่นาดไหน ใหญ่พอจะเป็นฝันชั่วชีวิต และฝันที่เอาชีวิตของหลายคนไป

ถ้าเข้าใจไม่ผิด ท่านเซอร์เอ็ดมันน่าจะเป็นบุคคลเดียวในหน้าประวัติศาสตร์ ที่เคยพาตัวเองไปถึงทั้งยอดเอเวอเรส ขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้
(คนคนนี้อยู่ในเจเนเรชั่นเบบี้บูมนะเว้ย อะไรทำให้เราคิดว่าคนเจนนี้คอนเซอเวทีฟไม่เปิดใจ? กระทั่งการแลนดิ้งบนดวงจันทร์ ก็เกิดขึ้นในราวสิบกว่าปีหลังจากนั้นเท่านั้นเอง บรรยากาศของหนังสือกินเนสชัดๆ แบบว่าไปสุด)

แรงบันดาลใจจริงแท้ของคนคนนี้คืออะไร เอ็ดมันด์คือตัวอะไร มาขนาดนี้ต้องอยากรู้เรื่องเค้าบ้างแหละมั้ย
People do not decide to become extraordinary. They decide to accomplish extraordinary things.
เอ็ดมันด์บอกว่าคนเราไม่ได้อยากพิเศษ เราแค่อยากทำสิ่งพิเศษ

เอ็ดมันด์ไม่พิเศษ เกิดในครอบครัวเกษตรกรรมในนิวซีแลนด์ ผลการเรียนกลางๆ หน้าตาไม่จัดว่าหล่อ สูงแต่ก็ดูเก้งก้าง เรียนไม่จบก็ออกมาช่วยพ่อทำฟาร์มผึ้ง พอสงครามก็เข้าร่วมกกองทัพอากาศและปลดประจำการจากการบาดเจ็บ เป็นนายธรรมดา
ความสนใจของเอ็ดมันด์คือการปีนเขา เขาเคยเป็นสมาชิกชมรมสมัยเรียน จัดว่ามีทักษะและความหลงใหล เขายังคงปีนเขาอย่างต่อเนื่องและพิชิตยอดเขาหลายแห่ง จนได้รับคัดเลือกเข้าท้าชิงการเป็นผู้พิชิตเอเวอเรส โอกาสที่เราคิดว่สำหรับสมัยนั้นมันใกล้เคียงกับการคัดตัวนักบินไปดวงจันทร์
และนายธรรมดาคนนี้ก็ทำได้เป็นคนแรกของโลก..

ว่ากันว่า เมื่อถูกถามว่าทำไมจึงไต่เอเวอเรส เซอร์เอ็ดมันตอบว่า because it’s there
มันอาจจะแค่นั้น เมื่อตัวเองถูกพามาถึงนี่ ดูเหมือนจะเป็นคนที่พอทำได้(มั้ง) ก็มีแต่ต้องลองไต่ขึ้นไป.. ภูเขามันอยู่ตรงนั้นก็ปีนดิรอไร..

because it’s there
คนแรกที่กล่าวประโยคคลาสสิกนี้ไม่ใช่เอ็ดมันด์ เป็นสุภาพบุรุษชาวอังกฤษชื่อจอร์จ มัลลอรี่ นักฝันผู้มีความใฝ่ฝันถึงเอเวอเรสอีกคนหนึ่ง
มัลลอรีเป็นใคร
เกิดในปี 1986 ประวัติว่าเป็นบุตรนายทหารใหญ่ เติบโตมาในบ้านสิบห้องนอนเราคิดว่ามีฐานะ เป็นนักเรียนทุน และอยู่ในทีมนักกีฬาของสถาบันศึกษา เข้าร่วมสงครามอยู่สามปีก็ได้ติดยศถึงร้อยโท และหากคุณจะลองกูเกิลหาหน้าตานายคนนี้มาดู จะพบว่าที่กล่าวกันว่า หล่อเหลาราวเดินออกมาจากภาพเขียนบอลติกเชลลีนั้น ไม่ได้เกินจริง เป็นคนพิเศษ, เป็นคนที่ too good to be true
ความหลงใหลของมัลลอรีที่มีต่อการปีนเขานั้นเข้มข้น เขาตระเวนพิชิตยอดเขาร่วมกับกลุ่มเพื่อนรู้ใจ ทั้งในยุโรปและสู่เอเชีย เอเวอเรสจึงเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่ยาวนานชั่วชีวิตและฝันที่เอาชีวิต
ปี 1924  เป็นเอเวอเรสครั้งที่สามของมัลลอรีในวัย37 ทุกคนอยากเชื่อว่ามัลลอรีไปถึง ภาพสุดท้ายคือมัลลอรีกับไอร์วินคู่หู กำลังไต่ขึ้นสู่ยอดในระยะห่างไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น

คนทั้งคู่หายขึ้นไปในหมู่เมฆและไม่กลับมา
ร่างของมัลลอรีถูกพบในปี 1999 กล้องถ่ายรูปและสมุดบันทึก หรือหลักฐานใดๆ ล้วนปลิวหายไปกับสายลมหิมาลัย ที่ซัพพอร์ตความเชื่อของคนที่รักเค้า(และเราด้วย) ว่าชายผู้นี้ได้ไปถึงยอดเอเวอเรสมาแล้วจริงๆ มีเพียงท่วงท่าของมัลลอรีที่ผู้เชียวชาญวิเคราะห์ว่ามันคือท่าปีนลง และภาพถ่ายใบหนึ่งที่หายไป
มัลลอรีเคยสัญญากับภรรยา ว่าจะนำภาพถ่ายของเธอไปทิ้งไว้ที่ยอดเอเวอเรส การที่ไม่พบภาพถ่ายนี้ในร่างมัลลอรี ทำให้ทฤษฎีที่ว่า มัลลอรีได้พิชิตยอดเอเวอเรสแล้วได้รับการยืนยันอย่างไม่เป็นทางการ แต่งดงามชวนฝัน สมกับเป็นมัลลอรี

คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้เอ็ดมันด์อยากพิชิตเอเวอเรส
คุณคิดว่าอะไรคือแรงบันดาลใจของเอ็ดมันด์

เราจึงรู้ว่าอีกหนึ่งความหมายของวีรบุรุษคือผู้สร้างแรงบันดาลใจ

Leave a comment